เกาะติดข่าว 27 ธ.ค 57 : เปิดเส้นจราจรเส้นทางเลี่ยงรถติดช่วงปีใหม่

เกาะติดข่าว 27 ธ.ค 57 : เปิดเส้นจราจรเส้นทางเลี่ยงรถติดช่วงปีใหม่

ประกาศแจ้งข่าว : ประชาสัมพันธ์
เปิดเส้นจราจร เส้นทางเลี่ยงรถติดช่วงปีใหม่

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงนี้ อาจทำให้การจราจรบนถนนหลวงคับคั่ง และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ตำรวจทางหลวงมีการคาดการณ์ว่า จะมีการเดินทางกลับอยู่ 2 ช่วง คือ ในช่วงเย็นวันที่ 26 ธันวาคม และในช่วงเย็นวันที่ 30 ธันวาคม ที่ถนนหลายสายจะมีปริมาณรถคับคั่ง ตำรวจทางหลวงจึงแนะนำทางเลี่ยงและจุดเสี่ยงในเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล

คลิปวิดีโอแนะนำเส้นทางจากกรุงเทพมหานครสู่ภูมิภาคต่างๆ ที่จัดทำโดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อเป็นข้อมูลการเดินทางให้แก่ประชาชนเลือกใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้คนเดินทางจำนวนมาก เส้นทางจุดที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัดคือ ทางต่างระดับบางปะอิน ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนหลายเส้นทาง เป็นทางร่วมระหว่างภาคเหนือกับภาคอีสาน จึงมีผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านจุดนี้จำนวนมาก

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. คาดว่า จุดที่มีปัญหามากที่สุดคือ จุดที่เรียกว่า ต่างระดับบางปะอิน ในจุดนั้นมีช่องทางถึง 4 เส้นทางมาบรรจบ และมีปั๊มน้ำมัน 7 ปั๊ม ที่ประชาชนใช้เป็นที่นัดแนะเส้นทางนัดพบกัน จะทำให้การจราจรติดขัดหนาแน่นเป็นพิเศษ แนะนำว่า ควรจะต้องเลี่ยง ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงมีการแนะนำเส้นทางเลี่ยงต่างๆ ให้ประชาชนศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง โดยสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กองบังคับการตำรวจทางหลวง หรือเข้าไปชมวิดีโอ “ทางหลวงแนะนำเส้นทาง” บนเว็บไซต์ยูทูบ หรือขอรับแผ่นพับได้ที่จุดบริการตำรวจทางหลวง รวมทั้งสามารถสอบถามได้ทางไอดีไลน์ “highway1193”

ผบก.ทล. กล่าวว่า มีการสำรวจจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งทั่วประเทศมีอยู่ 106 จุด แต่ได้เลือก 14 จุดสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางขึ้นเขา ลาดชัน ทางลงเนินเขาที่มีจุดกลับรถ หรือทางตรงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ที่ต้องมีการติดป้ายเตือนอยู่เป็นระยะ และจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเฝ้าระวัง รวมทั้งปิดจุดกลับรถที่อันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง แต่จากสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทางตรงจะเป็นทางที่เกิดอุบัติเหตุมากกว่าทางโค้ง เพราะว่ามีการใช้ความเร็วและวิ่งการจราจรในช่องขวา ซึ่งอาจจะมีจุดกลับรถ และไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่า

สำหรับมาตรการในช่วง ปี 2558 ของตำรวจได้วางมาตรการก่อนถึงเทศกาล และหลังเทศกาล โดยก่อนเทศกาลมีการจัดทำแผนที่แนะนำเส้นทางทั้งจุดเสี่ยง ทางเลี่ยงที่ไม่เข้าไปสู่การติดขัด และการเตรียมพร้อมของบุคคลที่จะเดินทางไปสู่ภูมิภาคต่างๆ และมีการกวดขันวินัยการจราจร โดยความผิดที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และเกิดความเสียหายได้ โดยเน้นในเรื่องตรวจวัดความเมา การไม่สวมหมวกกันน็อก คาดเข็มขัดนิรภัย รถที่ใช้ความเร็ว รถที่ย้อนศร เส้นทางเดินรถ การทำผิดกฎจราจรเหล่านี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้

"ในการวิเคราะห์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากตัวบุคคลเอง หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ดื่มแอลกอฮอล์ อีกส่วนหนึ่งความง่วงอ่อนเพลียของการผู้ขับขี่ยานพาหนะ มีการจัดจุดพักผ่อนในบริเวณต่างๆ ในหน่วยบริการทางหลวง 196 แห่ง มีที่พัก ที่หลับนอน มีชา กาแฟ เพื่อให้พักผ่อนก่อนที่จะเดินทางต่อไป” ผบก.ทล.กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนควรศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง ต้องรู้สภาพอากาศของจุดหมายที่จะไป เตรียมความพร้อมของร่างกาย ไม่ขับขี่ขณะง่วงหรือเมาสุรา ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และควรตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุด้วย
เส้นทางเลี่ยงภาคเหนือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 241 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนอุดรรัถยา จนสุดทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก : ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 244 กม. หรือถึงต่างระดับเชียงรากน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางปะอิน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 238 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338) เลี้ยวขวาเข้าถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงต่างระดับบางบัวทอง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่าน จ.สระบุรี-จ.ชัยนาท เข้าถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.มโนรมย์ มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 277 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงต่างระดับเชียงรากน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายบางปะอิน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ถึงอ.บางปะหัน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 260 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9) มุ่งหน้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวซ้ายขึ้นไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 259 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ
เส้นทางเลี่ยงสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับโทลล์เวย์เข้าสู่ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ผ่าน จ.สระบุรี มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 265 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 2 ใช้ทางพิเศษศรีรัช ด่วนอุดรรัถยา จนสุดทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน ที่อ.บางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก : ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงต่างระดับบางปะอินเข้าสู่ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ผ่าน จ.สระบุรี มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 273 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 3 ใช้ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 9) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ผ่าน จ.สระบุรี มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 280 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 4 ใช้ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก ทางหลวงหมายเลข 9) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ผ่าน จ.สระบุรี มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 286 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 5 ใช้ต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข 305) ตรงไป จ.นครนายก เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) มุ่งสู่กบินทร์บุรี ถึงสี่แยกกบินทร์บุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) มุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 328 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 6 ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา อ.พนมสารคาม อ.กบินทร์บุรี อ.ปักธงชัย มุ่งหน้าสู่ จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 324 กม. เพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: คมชัดลึก


แอป iTIC ดาวโหลดได้แล้ววันนี้ ออกแบบมาสำหรับทั้ง iOS และ android